ระบบหัวพ่นหมอกในอาคารเพาะชำเห็ด

ในอดีตสมัยเห็ดที่กินกันทั่วๆ ไปนั้น จะเป็นเห็ดที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเฉพาะระยะฤดูอย่างเดียว  อย่างไรก็ดีครั้นเมื่อมีผู้นิยมบริโภคกันเพิ่มมากขึ้น  จึงทำให้เกิดการพัฒนาเข้าสู่การเพาะชำเห็ดในเชิงพาณิชย์ เห็ดที่เพาะในเชิงการค้าขายมีหลายแบบ  ตัวอย่างเช่น เห็ดฟาง  เห็ดนางรม  เห็ดนางฟ้า  เห็ดยานางิ  เห็ดหูหนู   และเห็ดหอม เป็นต้น  เห็ดสกุลนางรมหรือเห็ดนางรมเป็นเห็ดที่ฮิตของท้องตลาด พร้อมทั้งมีการเพาะกันทั่วไปแทบทั้งประเทศ  เห็ดนางรมโตขึ้นได้ดีในอากาศที่มีอุณหภูมิระหว่าง 24 – 33 องศา พร้อมทั้งความชื้นสัมพัทธ์ 70 – 80 เปอร์เซ็นต์

ปัจจัยสำคัญสิ่งหนึ่งของการเพาะเห็ดในอาคารก็คือ ภูมิอากาศและความชุ่มชื้น ซึ่งจะมีระบบหัวพ่นหมอกช่วยกระจายอุณหภูมิและความชุ่มชื้นสัมพัทธ์กับในอาคาร ในส่วนของโรงเรือนก็ต้องว่างระบบดังนี้

  1. เปิดจั่วหน้าและข้างหลังโรงเรือนเพื่อให้ความร้อนใต้หลังคาระบายออกมา พร้อมทั้งมุงซาแรนข้างใต้ไม้ค้ำสำหรับปกป้องรักษาความร้อนจากใต้หลังคาคลายลงมา พร้อมทั้งป้องกันความชุ่มชื้นออกจากโรงเรือน
  2. ด้านข้างของโรงเรือนมุง 3 ชั้นด้วยซาแรน 50% พลาสติกหนา 150 ไมครอนพร้อมกับซาแรน 50% อีกชั้นหนึ่งทำให้เก็บความชื้นในโรงเรือนได้ดีขึ้น
  3. วางระบบดูแลอัตโนมัติ เช่น ระบบหัวพ่นหมอกด้านในโรงเรือน สำหรับลดอุณหภูมิและความชุ่มชื้น

หัวพ่นหมอก 4

จะเห็นได้ว่าโรงเรือนเพาะเห็ดจำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับอุณหภูมิ ความชุ่มชื้น  ภูมิอากาศพร้อมกับความสว่าง ถึงอย่างไร   เห็ดแต่ละอย่างมีความต้องการปัจจัยเหล่านี้แตกต่างกัน โดยเฉพาะเห็ดหอมและเห็ดนางรมหรือว่าเห็ดสกุลนางรมต้องการอุณหภูมิที่แตกต่างกันมาก เห็ดหอมต้องการอุณหภูมิต่ำพร้อมกับความชื้นสูง เห็ดสกุลนางรมต้องการอุณหภูมิสูงมากกว่าเห็ดหอม  ส่วนเห็ดฟางชอบอุณหภูมิสูงแต่ในช่วงที่ออกดอกต้องการอุณหภูมิต่ำ